Dime! แอปพลิเคชันการเงินจากเกียรตินาคินภัทร เลือกใช้ AWS เพื่อให้คนไทยเข้าถึงการลงทุนระดับโลก
ผู้ให้บริการทางการเงินของไทยสร้างแพลตฟอร์มการลงทุนบน AWS เพื่อขับเคลื่อนการเข้าถึงบริการทางการเงินสําหรับผู้ใช้ใหม่ 100,000 รายภายในเวลาไม่ถึง 5 เดือน ลูกค้าใหม่ใช้เวลาเปิดบัญชีเพียง 5 นาที
กรุงเทพฯ – 16 กุมภาพันธ์ 2566 – Amazon Web Services (AWS) บริษัทในเครือ Amazon.com ประกาศในวันนี้ว่า Dime! แอปพลิเคชันการเงินจากกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) ในประเทศไทย ซึ่งมุ่งทำให้การเข้าถึงบริการทางการเงินที่มีต้นทุนต่ำและสะดวกสบายมีผู้ใช้บริการมากกว่า 100,000 รายในเวลาไม่ถึงห้าเดือนนับตั้งแต่เปิดตัวบน AWS และมีเป้าหมายที่จะเข้าถึงผู้ใช้บริการ 1 ล้านคนภายในปี 2568 แอปพลิเคชัน Dime! นี้ช่วยให้คนไทยสามารถลงทุนในตลาดโลก จัดการการเงิน และออมเพื่อการเกษียณได้สะดวกขึ้น โดยไม่คำนึงถึงความรู้ทางการเงิน ประสบการณ์ หรือระดับรายได้ของผู้ใช้งาน ด้วยระบบของ AWS Dime! ได้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงกองทุนรวมในไทย หุ้นต่างประเทศ บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงโดยธนาคารเกียรตินาคินภัทร ที่เรียกว่า Dime! Save และความรู้ทางการเงินจากผู้เชี่ยวชาญของ KKP ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ แอปพลิเคชันนี้ยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยลงทุนในเศษส่วนของหุ้นทั่วโลกที่มีมูลค่าสูงได้ตามจำนวนเงินที่มี
โดยทั่วไป คนไทยมีการออมเงินประมาณร้อยละ 10 ของรายได้ ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของค่าเฉลี่ยในเอเชีย KKP จึงได้สร้างแอป Dime! บน AWS เพื่อช่วยให้คนไทยเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายขึ้น การสร้างแอปบน AWS ช่วยให้แอปสามารถขยายได้อย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าในการเข้าถึงตลาดโลก คำแนะนำทางการเงิน และแผนการออม บริการเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้งานเริ่มเก็บออมและลงทุน เพื่อทำให้สถานะทางการเงินของพวกเขาดีขึ้น นอกจากนี้ KKP จัดเก็บข้อมูลผู้ใช้ของ Dime! อย่างปลอดภัย ทั้งข้อมูลระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และประวัติการลงทุนของผู้ใช้งาน ด้วยการใช้Amazon Aurora ซึ่งเป็นบริการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ที่บริหารจัดการโดย AWS และปรับขนาดได้ตามความต้องการ Dime! จึงสามารถพัฒนาโซลูชันการลงทุนส่วนบุคคล และระบบติดตามสินทรัพย์แบบเรียลไทม์ ให้คนไทยจัดการการลงทุนได้ง่ายยิ่งขึ้น และเมื่อเสริมด้วย Amazon Elastic Kubernetes (Amazon EKS) ซึ่งเป็นบริการที่บริหารจัดการโดย AWS ที่ทำให้ง่ายต่อการปรับใช้ จัดการ และปรับขนาดแอปพลิเคชันคอนเทนเนอร์โดยใช้ Kubernetes บน AWS ทําให้ KKP สามารถพัฒนาโซลูชัน know-your-customer แบบอิเล็กทรอนิกส์ (eKYC) ที่ใช้ฐานข้อมูลบัตรประจําตัวประชาชนของไทยเพื่อยืนยันตัวตนผู้ใช้งานอย่างรวดเร็ว และทำให้ผู้ใช้งานรายใหม่สามารถส่งเอกสารระบุตัวตนทางออนไลน์และเริ่มลงทุนได้ภายใน 5 นาที
KKP ได้เลือกใช้ซอฟต์แวร์จาก AWS Marketplace แค็ตตาล็อกดิจิทัลที่มีรายชื่อซอฟต์แวร์หลายพันรายการจากผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์อิสระ เพื่อสร้างและบริหารระบบแอปพลิเคชัน Dime! ทำให้ง่ายต่อการค้นหา ทดสอบ ซื้อ และปรับใช้ซอฟต์แวร์ที่ทำงานบน AWS เพราะสามารถซื้อและผสานรวมโซลูชันที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ของ AWS Partner Databricks เข้ากับบริการของ AWS ที่ KKP ใช้อยู่ในปัจจุบันได้อย่างง่ายดาย พร้อมทั้งให้ข้อมูลเชิงลึกแก่ KKP Dime เกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใช้งาน รวมถึงพฤติกรรมการออมและการใช้จ่าย และช่วยให้ Dime! นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงสร้างฟีเจอร์อธิบายคำศัพท์ทางการเงินให้ลูกค้าเข้าใจได้ดีขึ้น ข้อมูลทางการเงินและการลงทุนดังกล่าวนี้จะแจ้งช่วยให้ผู้ใช้งานตัดสินใจเรื่องการเงินได้อย่างรอบคอบและเพิ่มความมั่งคั่งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“เราพัฒนาแอปพลิเคชัน Dime! บน AWS เพื่อตอบโจทย์การขยายแพลตฟอร์มไปทั่วประเทศ ให้คนไทยทุกคนมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น โดยไม่คำนึงถึงระดับรายได้หรือความมั่งคั่งของเขา” คุณเฉลิมวุฒิ ชมะนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี KKP Dime กล่าว “การใช้ AWS ทำให้เราสามารถสร้างนวัตกรรมการเงินใหม่ เพื่อช่วยให้คนไทย โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อย เติบโตไปพร้อมกับตลาดการเงินทั่วโลก และมีการตัดสินใจทางการเงินที่ดียิ่งขึ้น AWS ช่วยทำให้ Dime! สานฝันให้เป็นจริง ทำให้คนไทยสามารถเข้าถึงตลาดหุ้นระดับโลกได้ และช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมในประเทศไทย”
“ภาคบริการทางการเงินกำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลครั้งใหญ่ และหันมาใช้เทคโนโลยีคลาวด์ เพื่อพัฒนาและปรับขนาดโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่ และผลักดันการเข้าถึงบริการทางเงินให้ทั่วถึงมากขึ้น” คุณวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Manager ของ AWS ประเทศไทย กล่าว “เราภูมิใจที่ได้ช่วยให้ Dime! สามารถเข้าถึงกลุ่มนักลงทุนใหม่ที่มีความสำคัญ ด้วยการให้นักลงทุนเริ่มต้นลงทุนด้วยจำนวนเงินไม่มาก และสามารถลงทุนในเศษส่วนของหุ้นได้ และเนื่องจากบริการบนคลาวด์มีต้นทุนต่ำ จึงทำให้บริการต่าง ๆ เหล่านี้เป็นจริงได้ และได้ช่วยให้กลุ่มลูกค้าที่ไม่เคยมีโอกาสเข้าถึงในเรื่องการเงิน สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินและการลงทุนได้ง่านขึ้น”