ฟอร์วิส มาซาร์ส จัดงานสัมมนาประจำปี 2024 “อนาคตประเทศไทย เติบโตให้เท่าทันความเปลี่ยนแปลง’ แนะองค์กรไทยต้องปรับตัวให้เข้ากระแสการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจระดับโลก
ฟอร์วิส มาซาร์สจัดสัมมนาประจำปี 2024 “อนาคตประเทศไทย” ส่องแนวโน้มและประเด็นสำคัญๆที่จะส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจในอนาคต
จิรสุดา จิตรากรณ์ (ไก่)กรุงเทพฯ 15 ตุลาคม 2567 – บริษัท ฟอร์วิส มาซาร์ส จัดงานสัมมนาประจำปี “Annual Forum 2024: Future Thailand” ร่วมขับเคลื่อนอนาคตประเทศไทย โดยงานนี้มีผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขามาร่วมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและวิสัยทัศน์เกี่ยวกับภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจของไทย ทิศทางและแนวโน้มในอนาคต พร้อมเสนอแนะวิธีการเตรียมพร้อมขององค์กรไทยในการรับมือกับความท้าทายต่างๆ งานสัมมนานี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567 ณ โรงแรมโซ แบงคอก สาทร โดยมีผู้บริหารระดับสูงขององค์กรต่างๆ เข้าร่วมงานกว่า 100 คน
นายร็อบ ฮูเรนคัมป์ หุ้นส่วนผู้จัดการของฟอร์วิส มาซาร์ส ประเทศไทย กล่าวเปิดงานโดยเน้นย้ำถึงความท้าทายสำคัญที่องค์กรไทยต้องเผชิญในสภาพแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว “งานสัมมนานี้เป็นเวทีสำคัญในการให้ข้อมูลและความรู้แก่ลูกค้าและพันธมิตรของเราเกี่ยวกับแนวโน้มทิศทางทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ รวมถึงกฎหมายภาษีและด้านต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานทางธุรกิจในประเทศไทย ทั้งสำหรับบริษัทไทยและบุคคลไทยที่ดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ มีปัจจัยท้าทายมากมายที่องค์กรต้องเตรียมพร้อมรับมืออย่างเต็มที่”
ดร. อานันท์ชนก สกนธวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานยุทธศาสตร์และแผนงานเศรษฐกิจมหภาค สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) อธิบายถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจในอนาคต รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในพลวัตทางการเมือง การดำเนินนโยบายด้านกฎระเบียบต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงในกฎระเบียบการค้า และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ (AI) Internet of Things (IoT) และบล็อกเชน ซึ่งต้องนำมาใช้เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน ความก้าวหน้าเหล่านี้มีทั้งโอกาสและความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ นอกจากนี้ ประเด็นเรื่องความยั่งยืนก็เป็นปัจจัยสำคัญ และประเทศไทยต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการขาดแคลนทรัพยากร โดยการนำแนวทางการดำเนินงานอย่างยั่งยืนไปใช้ในอนาคต
ทีมที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญของฟอร์วิส มาซาร์ส ที่มาร่วมอภิปรายในงานสัมมนานี้ ได้แก่ นายโจนาธาน ฟรายเออร์ หุ้นส่วนสายงานด้านการจัดจ้างบุคลากรภายนอก นายชัชวัสส์ เกรียงสันติกุล หุ้นส่วนสายงานด้านกฎหมาย นายโจนาธาน สจวร์ต-สมิธ หุ้นส่วนสายงานด้านภาษี นายประเสนจิต จักรบอร์ตี หุ้นส่วนสายงานด้านที่ปรึกษาทางการเงิน นางสาวทิพวรรณ พุ่มบ้านเซ่า หุ้นส่วนสายงานด้านการตรวจสอบบัญชี รวมถึงทีมผู้บริหารระดับสูงของไทย
งานสัมมนานี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการปรับตัวขององค์กรให้เข้ากับแนวโน้มและเทรนด์ที่สำคัญของโลก เช่น ความยั่งยืน การปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัล กฎระเบียบภาษีที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นต้น
นายชัชวัสส์ เกรียงสันติกุล หุ้นส่วนสายงานด้านกฎหมาย กล่าวว่า ประเด็นความยั่งยืนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Measure: CBAM) ซึ่งเป็นมาตรการที่สหภาพยุโรป (EU) นำมาใช้เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับคู่ค้าที่อยู่นอก EU ในขณะเดียวกัน การปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลและกฎระเบียบภาษีที่เปลี่ยนแปลงไปก็จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานทางธุรกิจเช่นกัน องค์กรควรวางแผนกลยุทธ์ด้านภาษีไว้ล่วงหน้าเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย
นายโจนาธาน ฟรายเออร์ หุ้นส่วนสายงานด้านการจัดจ้างบุคลากรภายนอก กล่าวว่า เทรนด์ต่อไปคือ Autonomous Artificial Intelligence (AI) หรือปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้สร้างเนื้อหาใหม่ๆ ได้อย่างอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีมนุษย์มาช่วย ระบบนี้ สามารถช่วยให้องค์กรลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกรรม วิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินเพื่อการตัดสินใจที่สำคัญ ระบุแนวโน้มและโอกาสทางการตลาด และกำหนดทิศทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายร็อบ ฮูเรนคัมป์ หุ้นส่วนผู้จัดการของฟอร์วิส มาซาร์ส ประเทศไทย กล่าวเปิดงานโดยเน้นย้ำถึงความท้าทายสำคัญที่องค์กรไทยต้องเผชิญในสภาพแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว “งานสัมมนานี้เป็นเวทีสำคัญในการให้ข้อมูลและความรู้แก่ลูกค้าและพันธมิตรของเราเกี่ยวกับแนวโน้มทิศทางทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ รวมถึงกฎหมายภาษีและด้านต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานทางธุรกิจในประเทศไทย ทั้งสำหรับบริษัทไทยและบุคคลไทยที่ดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ มีปัจจัยท้าทายมากมายที่องค์กรต้องเตรียมพร้อมรับมืออย่างเต็มที่”
ดร. อานันท์ชนก สกนธวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานยุทธศาสตร์และแผนงานเศรษฐกิจมหภาค สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) อธิบายถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจในอนาคต รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในพลวัตทางการเมือง การดำเนินนโยบายด้านกฎระเบียบต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงในกฎระเบียบการค้า และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ (AI) Internet of Things (IoT) และบล็อกเชน ซึ่งต้องนำมาใช้เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน ความก้าวหน้าเหล่านี้มีทั้งโอกาสและความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ นอกจากนี้ ประเด็นเรื่องความยั่งยืนก็เป็นปัจจัยสำคัญ และประเทศไทยต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการขาดแคลนทรัพยากร โดยการนำแนวทางการดำเนินงานอย่างยั่งยืนไปใช้ในอนาคต
ทีมที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญของฟอร์วิส มาซาร์ส ที่มาร่วมอภิปรายในงานสัมมนานี้ ได้แก่ นายโจนาธาน ฟรายเออร์ หุ้นส่วนสายงานด้านการจัดจ้างบุคลากรภายนอก นายชัชวัสส์ เกรียงสันติกุล หุ้นส่วนสายงานด้านกฎหมาย นายโจนาธาน สจวร์ต-สมิธ หุ้นส่วนสายงานด้านภาษี นายประเสนจิต จักรบอร์ตี หุ้นส่วนสายงานด้านที่ปรึกษาทางการเงิน นางสาวทิพวรรณ พุ่มบ้านเซ่า หุ้นส่วนสายงานด้านการตรวจสอบบัญชี รวมถึงทีมผู้บริหารระดับสูงของไทย
งานสัมมนานี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการปรับตัวขององค์กรให้เข้ากับแนวโน้มและเทรนด์ที่สำคัญของโลก เช่น ความยั่งยืน การปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัล กฎระเบียบภาษีที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นต้น
นายชัชวัสส์ เกรียงสันติกุล หุ้นส่วนสายงานด้านกฎหมาย กล่าวว่า ประเด็นความยั่งยืนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Measure: CBAM) ซึ่งเป็นมาตรการที่สหภาพยุโรป (EU) นำมาใช้เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับคู่ค้าที่อยู่นอก EU ในขณะเดียวกัน การปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลและกฎระเบียบภาษีที่เปลี่ยนแปลงไปก็จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานทางธุรกิจเช่นกัน องค์กรควรวางแผนกลยุทธ์ด้านภาษีไว้ล่วงหน้าเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย
นายโจนาธาน ฟรายเออร์ หุ้นส่วนสายงานด้านการจัดจ้างบุคลากรภายนอก กล่าวว่า เทรนด์ต่อไปคือ Autonomous Artificial Intelligence (AI) หรือปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้สร้างเนื้อหาใหม่ๆ ได้อย่างอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีมนุษย์มาช่วย ระบบนี้ สามารถช่วยให้องค์กรลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกรรม วิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินเพื่อการตัดสินใจที่สำคัญ ระบุแนวโน้มและโอกาสทางการตลาด และกำหนดทิศทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิ
นางสาวทิพวรรณ พุ่มบ้านเซ่า หุ้นส่วนสายงานด้านการตรวจสอบบัญชี กล่าวว่า อีกหนึ่งประเด็นที่องค์กรควรต้องให้ความสำคัญคือเรื่องของการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการขาดแคลนทรัพยากร และปรับปรุงแนวทางการรายงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลหรือ ESG การปฏิบัติตามกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมและนโยบายเศรษฐกิจใหม่เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความสามารถในการแข่งขันทั้งในตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ความโปร่งใสในการรายงานด้านความยั่งยืนมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ และต้องอยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างเข้มงวดเช่นเดียวกับรายงานทางการเงิน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการตรวจสอบด้านความยั่งยืน
“ปัจจัยเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายสำคัญที่องค์กรไทยต้องเผชิญในสภาพแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ฟอร์วิส มาซาร์ส มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือองค์กรธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในการรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ เรานำเสนอบริการที่หลากหลาย รวมถึงที่ปรึกษาทางการเงิน การวางแผนภาษี บริการด้านกฎหมาย และการรายงานด้านความยั่งยืน เพื่อช่วยให้องค์กรเจริญเติบโตต่อไปในอนาคต” นายประเสนจิต จักราบดี หุ้นส่วนสายงานด้านที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวสรุป
ผู้เชี่ยวชาญของฟอร์วิส มาซาร์ส พร้อมให้การสนับสนุนธุรกิจด้วยคำแนะนำเชิงกลยุทธ์และแนวทางแก้ไขปัญหาเชิงปฏิบัติเพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจจะเติบโตและประสบความสำเร็จในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
เกี่ยวกับบริษัท ฟอร์วิส มาซาร์ส
ฟอร์วิส มาซาร์ส มีสำนักงานอยู่ในกว่า 100 ประเทศ ในประเทศไทย บริษัทให้บริการการจัดจ้างบุคลากรภายนอกด้านบัญชี การตรวจสอบบัญชี ภาษี กฎหมาย และที่ปรึกษาทางการเงินแก่ลูกค้าจากหลากหลายอุตสาหกรรมและประเทศ บริการที่ครอบคลุมของบริษัทตอบสนองความต้องการในปัจจุบันและอนาคตของลูกค้าทั่วโลก โดยส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง